นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน มี.ค. 2566 เท่ากับ 107.76 เทียบกับ ก.พ. 2566 ลดลง 0.27% เทียบกับเดือน มี.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 2.83% ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าอาหารที่ราคาชะลอตัวเกือบทุกกลุ่มสินค้า ทั้งไข่และผลิตภัณฑ์นม ผักและผลไม้ เครื่องประกอบอาหาร อาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน และฐานราคาที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อปี 2565 อยู่ในระดับสูง มีส่วนทำให้เงินเฟ้อชะลอตัว และเงินเฟ้อเฉลี่ย 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่มขึ้น 3.88%คำพูดจาก รวมสล็อตทดลองเล่น
สำหรับเงินเฟ้อเดือน มี.ค. 2566 ที่สูงขึ้น 2.83% เป็นการสูงขึ้นในอัตราชะลอตัว โดยสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 5.22% ชะลอตัวจากเดือน ก.พ. 2566 ที่สูงขึ้น 5.74% โดยมีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น ผักและผลไม้ โดยเฉพาะมะนาว กะหล่ำปลี แตงกวา แตงโม ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง เพราะปริมาณเข้าสู่ตลาดน้อยลง ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มชะลอลง ข้าวสาร ซีอิ๊ว น้ำพริกแกง กาแฟ ชา และน้ำอัดลม ที่ต้นทุนยังสูง และอาหารสำเร็จรูป ปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ผักคะน้า ผักชี ขึ้นฉ่าย กล้วยหอม ทุเรียน น้ำมันพืช มะพร้าว และมะขามเปียก ราคาลดลง
ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่ม 1.22% ชะลอตัวจากเดือน ก.พคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต. 2566 ที่เพิ่ม 2.47% สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น เช่น ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสารสาธารณะ น้ำมันดีเซล ก๊าซแอลพีจี ค่าการศึกษา ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล สิ่งเกี่ยวกับความสะอาด เช่น สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ค่าบริการตัดผม ค่าทำเล็บ ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์และเบนซิน เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า หน้ากากอนามัย โฟมล้างหน้า ที่เขียนคิ้ว ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ค่าสมาชิกเคเบิลทีวี เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ และค่าทัศนาจรในประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน มี.ค. 2566 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. 2566 และเพิ่มขึ้น 1.75% เมื่อเทียบกับ มี.ค. 2565 รวม 2 เดือนเพิ่มขึ้น 2.24%
นายวิชานัน กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน เม.ย. 2566 เดิมคาดว่าจะต่ำกว่าเดือน มี.ค. 2566 เพราะฐานปีที่แล้วสูงที่สุดในรอบปี แต่พอมีเลือกตั้ง ท่องเที่ยวฟื้นตัว มีเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อไม่น่าจะลดมาก แต่ประเมินแล้วไม่น่าจะเกิน 3% จากนั้นเดือน พ.ค. 2566 น่าจะเห็นต่ำกว่า 2.5% และ มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป จะเห็นเงินเฟ้อแตะหลัก 1% ไม่เกิน 1.5% ซึ่งถือเป็นขาลงของเงินเฟ้อ โดยไตรมาสแรก เงินเฟ้อ 3.88% ไตรมาส 2 คาดว่าไม่น่าถึง 3% จะอยู่ที่ 2% นิดๆ ไม่ถึง 2.5% ไตรมาส 3 และ 4 น่าจะเห็น 1% กว่าๆ โดยจากแนวโน้มที่ประเมินนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2566 ใหม่ เป็น 1.7-2.7% ค่ากลาง 2.2%